โมฮาเหม็ด ซาลาห์

Photo of author

By frankenstain

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ นับเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีผลงานอันโดดเด่นในสโมสรลิเวอร์พูล โด่งดังเป็นพิเศษในการช่วยทำให้ทีมคว้าแชมป์ลีกในรอบ 30 ปีของลิเวอร์พูล

ข้อมูลนักเตะ

ชื่อเต็ม : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ฆอลี

เกิด : 15 มิถุนายน 1992 ที่แนกริก ประเทศอียิปต์

อายุ : 31 ปี

สัญชาติ : อียิปต์

ตำแหน่ง : กองหน้า, ปีก

ส่วนสูง : 175 เซนติเมตร

เส้นทางลูกหนัง เด็กชายซาลาห์เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลด้วยการหัดเตะบอลจากทีมท้องถิ่นในบ้านเกิด ก่อนที่ในปี 2010 จะได้ย้ายไปเป็นนักเตะระดับเยาวชนของเอล โมคารุน สโมสรลูกหนังที่อยู่ห่างไกลจากเมืองที่เขาพักอาศัยอย่างมาก ทว่านั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของไอ้หนูที่มีใจรักในกีฬาลูกหนังคนนี้

ซึ่งจากที่นี่เองที่ช่วยให้เขาพัฒนาฝีเท้า และโชว์ฟอร์มการเล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถขึ้นมาเล่นในระดับเยาวชน ทีมสำรอง จนามารถขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ โดยใน 2 ฤดูกาล ที่เจ้าตัวเล่นให้กับที่นี่ เขายิงไปได้ 11 ประตู จากการลงสนาม 38 นัด จนฝีเท้าไปเข้าตาแมวมองของบาเซิล ทีมลูกหนังชื่อดังของลีกสวิตเซอร์แลนด์

จากฝีเท้าอันยอดเยี่ยมนี้เอง ทำให้ในปี 2012 บาเซิ่ล จัดการดึงตัวซาลาห์เข้ามาร่วมทีม ซึ่งการย้ายข้ามน้ำข้ามทะลจากทวีปแอฟริกามาค้าแข้งในทวีปยุโรปกับต้นสังกัดใหม่ ต้องมาเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ การฝึกซ้อมในแบบที่ไม่คุ้นเคย รวมทั้งเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ๆ ทำให้ซาลาห์ค่อนข้างปรับตัวได้ลำบาก

ในช่วงแรกที่เจ้าตัวย้ายมาบาเซิลยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการเล่นของทีมได้ จนต้องไปเริ่มต้นเล่นที่ทีมสำรอง จากนั้นด้วยความมุ่งมั่น และความพยายามของดาวเตะอียิปต์ เจ้าตัวก็พยายามฝึกซ้อม และยกระดับการเล่นของตัวเองจนสามารถขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่สำเร็จ แต่ก็ยังเป็นแค่ตัวสำรองอยู่

กว่าที่ซาลาห์จะได้ลงสนามก็ใช้เวลานานพอสมควร ซึ่งเจ้าตัวได้ลงสนามเป็นแมตช์แรกในเกมที่บาเซิลเอาชนะธูนไป 3-1 ในวันที่ 12 สิงหาคม ปี 2012 และหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสลับกับตัวสำรองอย่างต่อเนื่อง และทำผลงานได้ค่อนข้างยอดเยี่ยม ทั้งเกมลีกในประเทศ และในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

การย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ถือเป็นการก้าวกระโดดอย่างมากของ ซาลาห์ และเขาก็หวังจะสร้างชื่อกับ เชลซี ให้ได้ ทว่าทุกอย่างมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด เมื่อแผงกองกลางของทัพ “สิงห์บลูส์” ในชุดนั้น แข็งแกร่งและยอดเยี่ยมอย่างมาก เพราะมีทั้ง เชส ฟาเบร็กาส, ออสการ์, เอเดน อาซาร์, เนมานย่า มาติช รวมทั้ง จอห์น โอบี มิเกล ทำให้เขาไม่สามารถเบียดลงเล่นเป็นตัวจริงของทีมได้

ซึ่งจากการค้าแข้งที่นี่ในซีซั่นแรก เจ้าตัวได้ลงสนามเพียง 13 นัดเท่านั้น ทำให้ ซาลาห์ เลือกที่จะขอย้ายออกจากทีม เพื่อที่จะหาโอกาสในการลงสนาม ซึ่ง เชลซี ก็ไม่ขัดขวางแต่อย่างใด เมื่อได้ทำการปล่อยตัวเขาให้ย้ายไปร่วมทีม ฟิออเรนติน่า ทีมลูกหนังชื่อดังในศึกกัลโช่ เซเรีย อา

การย้ายมาเล่นกับ ฟิออเรนติน่า เจ้าตัวก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมอย่างมาก แต่เขาก็ค้าแข้งที่นี่ได้เพียงครึ่งซีซั่นเท่านั้น เขาก็ต้องย้ายทีมอีกครั้ง เมื่อเจ้าตัวต้องการที่จะย้ายไปร่วมทัพ โรม่า ทีมคู่แข่งร่วมลีก แมัว่าทัพ “ม่วงมหากาฬ” ต้องการจะซื้อขาด ทว่า ซาลาห์ ก็ไม่ต้องการอยู่นี่ถาวร จนในที่สุดก็ได้ย้ายไปเป็นสมาชิกใหม่ของทัพ “หมาป่ากรุงโรม” สมดังตั้งใจ

การย้ายมาเล่นในรูปแบบการยืมตัว ซาลาห์ ก็ระเบิดฟอร์มการเล่นได้อย่างร้อนแรง ยิงไปถึง 15 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 42 เกมในทุกรายการ กลายเป็นตัวหลักที่ทีมจะขาดไม่ได้เลย ซึ่งทำให้ โรม่า ไม่ลังเลใจเลยที่จะซื้อขาดเขามาร่วมทีมด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์

และในซีซั่นที่สองกับ โรม่า นี้เอง ที่ ซาลาห์ ระเบิดฟอร์มการเล่นได้อย่างสุดยอดอย่างมาก เขายิงประตูไปถึง 19 ลูก กับอีก 15 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 41 นัดในทุกรายการ จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรไปครองอีกด้วย

และแล้วฝีเท้าอันยอดเยี่ยมของ ซาลาห์ นี้เอง ที่กำลังจะนำพาให้เจ้าตัวกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เมื่อ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือชาวเยอรมันของ ลิเวอร์พูล ต้องการที่จะสร้างทีมขึ้นมาใหม่ เพื่อการนำทัพ “หงส์แดง” กลับมาสู่ความยิ่งใหญ่

ซึ่งจบฤดูกาลนี้ ซาลาห์ ได้เล่นทั้งหมด 48 นัดในทุกรายการ และได้ทำประตูไปถึง 23 ลูก และช่วยให้ทีมได้รับการช่วยเหลืออีก 13 ครั้ง ถึงแม้ว่าสถิติของเขาจะลดลงจากซีซั่นก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังคงเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม

หลังจากความสำเร็จมากมายกับลิเวอร์พูล มีข่าวออกมาว่าซาลาห์อาจพร้อมที่จะย้ายออกจากถิ่นศูนย์กลาง เพื่อไปค้าแข้งกับสองทีมใหญ่ในลาลีกา สเปน คือ รีอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า แม้ว่าเมื่อเริ่มฤดูกาล 2020/2021 ดาวยิงทีมชาติอียิปต์ยังคงเล่นให้กับทีมเดิม และยังเป็นส่วนสำคัญที่ทีมไม่อาจหายไปได้เช่นเคย

เพียงฤดูกาลแรกกับ “หงส์แดง” ซาลาห์ แสดงให้เห็นทันทีว่าของจริงนั้นเป็นยังไง เมื่อเขาลงเล่นไป 52 เกมในทุกรายการ ยิงไปถึง 44 ลูก และช่วยให้ทีมได้รับการช่วยเหลืออีก 16 ครั้ง คว้าอันดับดาวซัลโวของพรีเมียร์ลีก และพาทีมจบอันดับ 4 ของตาราง แถมยังพาทีมเข้าชิงชนะเลิศศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกด้วย แม้ว่าพลาดในช่วงสุดท้ายเมื่อพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด 1-3 แต่ก็ได้รับรางวัลรองแชมป์เท่านั้น

ฤดูกาลถัดมา 2018/2019 เป็นปีที่ ลิเวอร์พูล พัฒนาทีมอย่างมาก และเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม รวมทั้งฟอร์มการถล่มประตูของ ซาลาห์ ที่ยังคงร้อนแรง โดยเขาลงเล่นไป 52 เกมในทุกรายการ ยิงไปได้ 27 ประตู และช่วยให้ทีมได้รับการช่วยเหลืออีก 12 ครั้ง พา “หงส์แดง” เข้าสู่การแข่งขันเพื่อชิงแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่สุดท้ายก็ต้องมองขาลงจากตำแหน่งชั้นเอก เมื่อตกชิงแชมป์ไปในช่วงท้ายของฤดูกาล แต่ยังคงได้รับการยกย่องอย่างมาก

ฤดูกาลนี้ ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่สำคัญอย่างมากของ ลิเวอร์พูล เนื่องจากทีมสามารถเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอีกครั้ง และคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ จากนั้นในช่วงต้นปี 2019 ทีมก็เดินหน้ากวาดอีกหลายแชมป์ทั้งยูฟ่า ซูเปอร์คัพ รวมทั้ง แชมป์สโมสรโลก อีกด้วย

ในฤดูกาล 2019/2020 ลิเวอร์พูล กับการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม เร่งเครื่องตั้งแต่นัดแรก แม้ว่าฟอร์มการเล่นของ ซาลาห์ จะดร็อปลงเล็กน้อย แต่ทีมก็ยังมีผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม และแทบจะเข้าป้ายรับแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ตั้งแต่จบครึ่งฤดูกาลแรกแล้ว

แต่แล้วเหตุการณ์ที่แฟนบอลทั้งโลกไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การฟาดแข้งพรีเมียร์ลีกต้องหยุดการแข่งขันในช่วงต้นเดือนมีนาคม แต่การเป็นแชมป์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ทั้งๆ ที่ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถหยุดยั้งความยิ่งใหญ่ครั้งนี้ได้

กลางเดือนมิถุนายน 2020 ศึกพรีเมียร์ลีกก็กลับมาฟาดแข้งอีกครั้งหลังจากหยุดแข่งไปนานเกือบ 3 เดือน เพียงไม่กี่นัดหลังจากกลับมาเตะใหม่ ซาลาห์ และ ทีม “หงส์แดง” สามารถผงาดคว้าแชมป์ได้อย่างสำเร็จ หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกเชลซี 1-2 ทำให้แต้มของ “เรือใบสีฟ้า” ตามไม่ทัน นับเป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี อีกด้วย

ซึ่งเมื่อฤดูกาลนี้สิ้นสุดลง ซาลาห์ ได้ลงเล่นทั้งหมด 48 นัดในทุกรายการ ยิงไปได้ 23 ประตู และช่วยให้ทีมได้รับการช่วยเหลืออีก 13 ครั้ง ซึ่งยังคงถือเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก แม้ว่าสถิติของเขาจะลดลงจากซีซั่นก่อนหน้านี้

จากความสำเร็จที่ซาลาห์ ได้รับกับ ลิเวอร์พูล มีข่าวออกมาว่าเขาอาจพร้อมที่จะย้ายออจากถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อไปค้าแข้งกับสองทีมใหญ่ในลาลีกาสเปน คือ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า แม้ว่าเมื่อเปิดฤดูกาล 2020/2021 ซาลาห์ ยังคงเล่นให้กับทีมเดิม และยังเป็นกำลังสำคัญที่ทีมไม่อาจหายไปได้เช่นเคย

Leave a Comment