คริสเตียโน่ โรนัลโด้

Photo of author

By frankenstain

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (Cristiano Ronaldo) เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985 ที่เมืองฟุนชาล เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส

ข้อมูลส่วนตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้

  • ชื่อเต็ม : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดอส ซานโต๊ส อเวโร่
  • เกิด : 5 กุมภาพันธ์ 1985 ที่เมืองมาเดรา ประเทศโปรตุเกส
  • อายุ : 39 ปี
  • สัญชาติ : โปรตุเกส
  • ส่วนสูง : 187 เซนติเมตร
  • ตำแหน่ง : กองหน้า/ปีก

ชีวิตในวัยเด็ก

โรนัลโด้เติบโตในครอบครัวที่มีฐานะยากจน เขาเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย และเข้าร่วมสโมสรอันดอร์รินญ่า ก่อนจะย้ายไปอยู่กับทีมเยาวชนของสปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งเป็นสโมสรที่ทำให้เขาได้รับการพัฒนาในฐานะนักฟุตบอลมืออาชีพ

การค้าแข้งอาชีพ

สปอร์ติ้ง ลิสบอน (2002-2003)

โรนัลโด้เริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลด้วยการเข้าร่วมทีมเยาวชนของ Andorinha ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ Nacional ในอีก 2 ปีต่อมา และฉายแววโดดเด่นจนได้เข้าร่วมอะคาเดมี่ของสปอร์ติ้ง ลิสบอน สโมสรยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส ในวัย 12 ปี

ในอะคาเดมี่ของสปอร์ติ้ง ลิสบอน โรนัลโด้พัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็ว จนถูกดันขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ และได้ลงประเดิมสนามในลีกโปรตุเกสครั้งแรกด้วยวัยเพียง 17 ปีในฤดูกาล 2002-2003 โรนัลโด้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยลงสนามทั้งหมด 31 นัดในทุกรายการ และทำได้ 5 ประตู ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาสำหรับนักเตะดาวรุ่งวัย 17 ปี ทำให้เขาได้รับความสนใจจากสโมสรดังทั่วยุโรป

จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในเกมอุ่นเครื่องช่วงปรีซีซั่น เมื่อเดือนสิงหาคม 2003 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกไปเยือนสปอร์ติ้ง ลิสบอน และแพ้ไป 1-3 แต่ฟอร์มการเล่นของโรนัลโด้ในเกมนี้โดดเด่นมากจนทำให้แนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดปั่นป่วนตลอดทั้งเกม หลังจบเกม นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดถึงกับบอกเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้รีบคว้าตัวโรนัลโด้มาร่วมทีมโดยด่วน

“หลังจากเกมที่เราเจอกับสปอร์ติ้ง พวกลูกทีมของผมต่างพูดถึงเขา (โรนัลโด้) ไม่หยุดเลยในห้องแต่งตัว และตอนขึ้นเครื่องบินเดินทางกลับหลังจบเกม พวกเขาก็กระตุ้นให้ผมรีบไปเซ็นสัญญาคว้าตัวเขามา เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นดาวรุ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น” เฟอร์กูสันกล่าว

เพียงสัปดาห์เดียวหลังจากนั้น โรนัลโด้ วัย 18 ปี ก็ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 12.24 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติค่าตัวสูงสุดสำหรับนักเตะวัยทีนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษในเวลานั้น

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2003-2009)


เมื่อย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โรนัลโด้ขอใช้เสื้อหมายเลข 28 ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกับที่เขาใส่ตอนอยู่กับสปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกลับมอบเสื้อหมายเลข 7 ให้กับเขา ซึ่งเป็นเบอร์ของแข้งระดับตำนานอย่าง จอร์จ เบสต์, ไบรอัน ร็อบสัน, เอริค คันโตน่า และ เดวิด เบ็คแฮม

สำหรับดาวรุ่งคนอื่น การรับหมายเลข 7 อาจทำให้รู้สึกกดดัน แต่ไม่ใช่สำหรับโรนัลโด้ เขาใช้หมายเลขนี้เป็นแรงผลักดันให้ตัวเองต้องก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดผู้เล่นเหมือนตำนานเหล่านั้น การมีเฟอร์กูสันเป็นโค้ชยิ่งช่วยพัฒนาและขัดเกลาฝีเท้าของโรนัลโด้ ทำให้เขาเติบโตและสร้างผลงานที่น่าทึ่งในพรีเมียร์ลีก

ในช่วงแรกของการเล่นในลีกอังกฤษ โรนัลโด้ถูกวิจารณ์เกี่ยวกับสไตล์การเล่นที่มักจะเล่นคนเดียวมากเกินไป รวมถึงการใช้ทักษะสับขาหลอกคู่แข่งอย่างพร่ำเพรื่อ ในปีแรกกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 2003-04 โรนัลโด้ยิงไป 6 ประตูจากการลงเล่น 40 นัดในทุกรายการ ซึ่งยังไม่ถือว่าโดดเด่นมาก

แต่หลังจากนั้น โรนัลโด้ค่อยๆ ปรับสไตล์การเล่นให้เข้ากับทีมมากขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาสภาพร่างกายและฝีเท้าให้แข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นสุดยอดนักเตะของพรีเมียร์ลีกแบบไร้ข้อกังขา โรนัลโด้พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัยติดต่อกันในฤดูกาล 2006-07, 2007-08 และ 2008-09 รวมถึงแชมป์อื่นๆ และเกียรติยศส่วนตัวอีกมากมาย โดยเฉพาะในปี 2008 ที่เขาคว้าทั้งรางวัลบัลลงดอร์ และผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่ามาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

เรอัล มาดริด (2009-2018)

หลังจากตัดสินใจยุติเส้นทาง 6 ปีกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โรนัลโด้ย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน ในฤดูกาล 2009-10 ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติโลกในขณะนั้น การเปิดตัวของโรนัลโด้กับเรอัล มาดริด ดึงดูดแฟนบอลเข้ามาชมที่สนามซานติอาโก้ เบร์นาเบว มากถึง 80,000 คน

การย้ายมาเรอัล มาดริด ซึ่งเต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ทำให้โรนัลโด้ยกระดับฝีเท้าและผลงานของตัวเองขึ้นไปอีกขั้น เขาสามารถคว้าแชมป์ทุกรายการและทุบสถิติมากมาย เรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดในอาชีพของเขาอย่างแท้จริง

โรนัลโด้ค้าแข้งกับเรอัล มาดริดนาน 9 ฤดูกาล โดยทำประตูได้อย่างมหาศาล ด้วยผลงานการลงสนามทั้งหมด 438 นัดในทุกรายการ และทำประตูได้ถึง 450 ประตู เฉลี่ยแล้วเขาทำประตูได้ 1 ลูกต่อการลงสนามทุกนัด

ในเรื่องของถ้วยแชมป์ โรนัลโด้คว้าโทรฟี่สำคัญกับเรอัล มาดริดมากมาย ได้แก่ แชมป์ลาลีกา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 4 สมัย, ฟีฟ่า คลับ เวิลด์คัพ 3 สมัย และรางวัลบัลลงดอร์อีก 4 สมัย แต่หลังจากจบฤดูกาล 2017-18 โรนัลโด้ต้องย้ายทีมอีกครั้ง เนื่องจากไม่สามารถเจรจาเรื่องสัญญาฉบับใหม่กับมาดริดได้ลงตัว โดยย้ายไปอยู่กับยูเวนตุส มหาอำนาจแห่งศึกเซเรียอา อิตาลี ด้วยค่าตัว 112 ล้านยูโร ทำให้เขากลายเป็นนักเตะอายุเกิน 30 ปีที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก

ยูเวนตุส (2018-2021)

ในการย้ายมาร่วมทีม “ม้าลาย” ยูเวนตุส เพื่อลุยศึกเซเรียอา อิตาลี โรนัลโด้ยังคงทำหน้าที่เป็นเครื่องจักรสังหารประตูอย่างอันตรายเช่นเดิม เขาช่วยพาทีมคว้าแชมป์เซเรียอา 2 สมัยติดต่อกันในฤดูกาล 2018-19 และ 2019-20 และเพิ่มอีกหนึ่งถ้วยกับแชมป์โคปปา อิตาเลีย 2020-21

นอกจากนี้ ในฤดูกาล 2020-2021 โรนัลโด้ยังครองตำแหน่งดาวซัลโวของเซเรียอาด้วยการยิง 29 ประตู ทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนแรกที่ครองตำแหน่งดาวซัลโวใน 3 ลีกใหญ่ของยุโรป ได้แก่ เซเรียอา อิตาลี, ลาลีกา สเปน และพรีเมียร์ลีก อังกฤษ

ในช่วงซัมเมอร์ 2021 โรนัลโด้ต้องการย้ายออกจากยูเวนตุส มีข่าวว่า “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เดินหน้าเต็มที่เพื่อคว้าตัวเขากลับมาลุยศึกพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง แต่การเจรจาไม่สามารถได้ข้อสรุป สุดท้ายเป็น “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เข้ามาเสียบแทนและปิดดีลได้อย่างรวดเร็ว จนแฟนบอลเรดอาร์มี่หลายคนแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2021-2022)

วันที่ 27 สิงหาคม 2021 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศบรรลุข้อตกลงคว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมาร่วมทีมอีกครั้งอย่างเป็นทางการ และต่อมาในวันที่ 31 สิงหาคม 2021 ทีมปีศาจแดงได้เปิดตัวโรนัลโด้อย่างเป็นทางการ ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร พร้อมแอดออนอีก 8 ล้านยูโร ภายใต้สัญญา 2 ปี พร้อมออปชั่นขยายเพิ่มอีกหนึ่งปี

โรนัลโด้ วัย 36 ปี ได้กลับมาสวมเสื้อหมายเลข 7 ซึ่งเป็นเบอร์เดิมที่เขาเคยใช้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเอดินสัน คาวานี่ ผู้ครองเบอร์ 7 คนล่าสุด ได้ย้ายไปใส่หมายเลข 21 แทนที่ของ แดเนียล เจมส์ ซึ่งย้ายไปยังลีดส์ ยูไนเต็ด

โรนัลโด้ได้แสดงความรู้สึกผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวเกี่ยวกับการกลับมาร่วมทีมปีศาจแดงอีกครั้งว่า

“ผมไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ได้เลย หลังจากการย้ายกลับโอลด์ แทรฟฟอร์ด ถูกประกาศออกไปทั่วโลก มันเหมือนฝันที่เป็นจริง ทุกครั้งที่ผมกลับมาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้ในฐานะคู่แข่ง ผมก็ยังรู้สึกถึงความรักและความเคารพจากแฟนบอลบนอัฒจันทร์เสมอ”

“แชมป์ลีกครั้งแรก, แชมป์ฟุตบอลถ้วยครั้งแรก, ถูกเรียกติดทีมชาติโปรตุเกสครั้งแรก, แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรก, คว้ารองเท้าทองคำครั้งแรก และคว้าบัลลงดอร์ครั้งแรก ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์พิเศษระหว่างผมกับเร้ด เดวิลส์ ประวัติศาสตร์เหล่านั้นเคยถูกเขียนขึ้นในอดีต และประวัติศาสตร์จะถูกเขียนขึ้นอีกครั้ง! ผมสัญญา!”

หลังจากกลับมาค้าแข้งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โรนัลโด้ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยทำไป 24 ประตูและ 3 แอสซิสต์จากการลงเล่น 38 นัดรวมทุกรายการ อย่างไรก็ตาม ผลงานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยรวมในฤดูกาลนั้นไม่ดีนัก จบเพียงอันดับ 6 และได้ไปเล่นแค่ถ้วยยูโรป้า ลีก ทำให้มีกระแสข่าวว่าโรนัลโด้ไม่พอใจและต้องการย้ายทีมเพื่อไปอยู่กับทีมที่ได้เล่นถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก

หลังจากจบฤดูกาล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งการเสริมนักเตะใหม่และการขายนักเตะเก่า ที่สำคัญคือการดึง เอริค เทน ฮาก กุนซือชาวดัตช์ เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม

เนื่องจากเทน ฮาก ต้องการสร้างทีมใหม่ ทำให้ในฤดูกาล 2022/23 โรนัลโด้กลายเป็นตัวสำรองและได้รับโอกาสลงสนามน้อยลง เกิดเหตุการณ์ดราม่าหลายครั้งตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่น โรนัลโด้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อย้ายออกจากทีม

สุดท้าย ฟางเส้นสุดท้ายมาถึงเมื่อโรนัลโด้ไปออกรายการสัมภาษณ์โจมตีสโมสรและเทน ฮากอย่างหนัก ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและตัดสินใจยกเลิกสัญญากับโรนัลโด้ในที่สุด

ปิดฉากตำนานหมายเลข 7 ของ “ปีศาจแดง” โรนัลโด้โบกมือลาทีมเป็นครั้งที่สอง และน่าจะเป็นครั้งสุดท้ายกับทีมที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในเส้นทางลูกหนัง

อัล-นาสเซอร์ (2023-ปัจจุบัน)

โรนัลโด้ เป็นหนึ่งในนักเตะที่สำคัญของทีมอัล-นาสเซอร์ หรือทีมนาชิอา ซึ่งเป็นทีมเตะในลีกดิวิชั่นหนึ่งของอิตาลี ทีมนี้เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในวงการฟุตบอลโดยเฉพาะในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีการเสริมแข้งด้วยนักเตะระดับโลกอย่าง โรนัลโด้

โรนัลโด้ ได้เข้าร่วมทีมอัล-นาสเซอร์ในฤดูกาล 2021-2022 หลังจากการย้ายมาจากยูเวนตุส มีการคาดหวังว่าเขาจะเป็นตัวเป็นเครื่องให้กับทีมด้านการทำประตู และมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ทีมคว้าแชมป์หรือคว้าตำแหน่งที่ดีในลีก นอกจากนี้ เขายังเป็นแรงบันดาลใจและตัวเลขสำคัญสำหรับทีมและผู้สนับสนุนในสนาม

โรนัลโด้ ไม่เพียงเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมในด้านการทำประตูเท่านั้น แต่เขายังเป็นตัวผู้นำที่มีประสบการณ์และมีองค์ประกอบที่สำคัญในการสร้างทีมและสร้างความเชื่อมั่นในทีม แม้ว่าเขาจะมีอายุมากกว่านักเตะส่วนใหญ่ในทีม แต่ความพยายามและความมุ่งมั่นในการแข่งขันยังคงสูงมาก

ด้วยประสบการณ์และความสามารถของเขา โรนัลโด้ ได้เป็นตัวแทนที่สำคัญของทีมอัล-นาสเซอร์ และมีบทบาทที่สำคัญในการเสนอผลงานที่ดีในฤดูกาลนี้ ทั้งนี้ แฟนบอลทั้งหลายก็ตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นการกลับมาของเขาในลีกอิตาลีและคาดหวังว่าเขาจะสามารถส่งผลงานที่ยอดเยี่ยมให้กับทีมในเวลาเร็ว ๆ นี้

ทีมชาติโปรตุเกส


โรนัลโด้ เป็นหนึ่งในนักเตะที่เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลในช่วงวัยทีนและพัฒนาต่อมาในระดับรุ่นเยาวชนของทีมชาติโปรตุเกส เขาเข้าร่วมทีมชาติตั้งแต่อายุเพียง 15 ปี และต่อมาเข้าร่วมทีมชาติใหญ่เมื่ออายุ 18 ปีในปี 2003

ในยูโร 2004 โรนัลโด้เป็นส่วนสำคัญของทีมชาติโปรตุเกสที่เข้าร่วมแข่งขันและช่วยนำทีมไปยังรอบชิงชนะเลิศ แม้ว่าทีมจะพ่ายในรอบชิงชนะเลิศเพื่อ กรีซ ด้วยคะแนน 0-1 แต่โรนัลโด้ก็ตกปลายทัพในฐานะผู้เล่นที่โดดเด่นในทัวร์นาเมนต์นั้น

ต่อมา โรนัลโด้เป็นหัวใจแห่งทีมชาติโปรตุเกสในประจำ โดยมีผลงานสำคัญคือการช่วยทีมชนะแชมป์ยูโร 2016 โดยทีมได้เอาชนะ “เจ้าภาพ” ฝรั่งเศสในรอบชิงชนะเลิศด้วยคะแนน 1-0 และก็เป็นการชนะรายการระดับเมเจอร์ในครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของโปรตุเกส

ในเวลาเดียวกัน โรนัลโด้ก็ได้รับการจารึกสถิติว่าเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูในนามทีมชาติมากที่สุดในโลก หลังจากที่เขายิงประตูให้กับโปรตุเกสไปทั้งสิ้น 111 ประตู (สถิติณ 1 กันยายน 2021) ทำให้เขาแทนที่สถิติเดิมของ อาลี ดาอี ที่ยิงให้ อิหร่าน ไปทั้งสิ้น 109 ประตู

รางวัลและเกียรติยศ

  • บัลลงดอร์: 5 ครั้ง (2008, 2013, 2014, 2016, 2017)
  • รองเท้าทองคำยุโรป: 4 ครั้ง
  • แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก: 5 สมัย
  • แชมป์พรีเมียร์ลีก: 3 สมัย
  • แชมป์ลาลีกา: 2 สมัย
  • แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา: 2 สมัย
  • แชมป์ยูโร: 1 สมัย (2016)

บุคลิกและการใช้ชีวิตส่วนตัว

โรนัลโด้เป็นที่รู้จักในฐานะนักเตะที่มีความมุ่งมั่นและมีระเบียบวินัยสูง นอกจากนี้เขายังมีบทบาทในกิจกรรมการกุศลและเป็นไอคอนในวงการกีฬาและแฟชั่น

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการฟุตบอล ด้วยความสำเร็จและความสามารถที่ไม่ธรรมดา ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

Leave a Comment